กัญชา : ประวัติพืชสกุลกัญชาในประเทศไทย Cannabis Thailand

ในส่วนของการปลูกพืชสกุลกัญชาในบริเวณคาบสมุทรอินโดจีน มีหลักฐานการปลูกมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 สำหรับการปลูกพืชสกุลกัญชาในประเทศไทย พบว่ามีการปลูกพืชสกุลกัญชามาตั้งแต่อดีต

ประวัติพืชสกุลกัญชาในประเทศไทย Cannabis Thailand

ในส่วนของการปลูกพืชสกุลกัญชาในบริเวณคาบสมุทรอินโดจีน มีหลักฐานการปลูกมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 สำหรับการปลูกพืชสกุลกัญชาในประเทศไทย พบว่ามีการปลูกพืชสกุลกัญชามาตั้งแต่อดีต

ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึก คือ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างปีพุทธศักราช 2199-2231 ผ่านบันทึกตำราพระโอสถพระนารายณ์ ซึ่งเป็นตำหรับยาที่แพทย์ประกอบถวาย ซึ่งพบตำหรับยาที่มีส่วนประกอบของพืชสกุลกัญชาเป็นส่วนประกอบหลัก 2 ตำหรับ ได้แก่ ตำรับยาทิพกาศ มีส่วนประกอบเป็นใบพืชสกุลกัญชา 16 ส่วน และตำรับยาศุขไสยาศน์ มีส่วนประกอบเป็นใบพืชสกุลกัญชา 12 ส่วน (Picheansoonth et al., 1999) นอกจากนี้การปลูกพืชสกุลกัญชาเพื่อนำเส้นใจมาใช้ประโยชน์ ส่วนใหญ่จะปลูกบนพื้นที่สูงทางภาคเหนือ โดยชาวเขาเผ่าม้ง ลีซอ และอาข่า ซึ่งชาวเขากลุ่มนี้มีการนำเส้นใยพืชสกุลกัญชามาใช้ประโยชน์ในการทอผ้า ตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ทอเป็นถุงย่าม และการใช้เส้นใยทำเป็นเชือกอเนกประสงค์กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งพืชสกุลกัญชาเป็นพืชที่ผูกพันและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของกลุ่มชาวเขามาตั้งแต่อดีต (ส่วนสำราจและรายงาน สำนักงาน ปปส. ภาคเหนือ, 2544)

อย่างไรก็ตาม ในการใช้พืชสกุลกัญชาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย หากใช้เกินขนาดขาดการควบคุม จนเกิดการเสพติด ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้เสพ ส่งผลให้รัฐบาลไทยออกกฎหมายควบคุมพืชสกุลกัญชา ภายใต้ชื่อ “พระราชบัญญัติพืชสกุลกัญชา พุทธศักราช 2477” โดยกระทรวบมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งพระราชบัญญัตินี้ ห้ามปลูก ซื้อ ขาย จำหน่าย มีไว้ครอบครอง หรือสูบ แต่รัฐมนตรีกระทรางมหาดไทย อนุญาตให้เฉพาะบุคคลมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์หรือปลูก หรือมีพันธุ์พืชสกุลกัญชาไว้เพื่อการทดลองเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรค

แต่อย่างไรก็ตาม มีการใช้พืชสกุลกัญชากันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในช่วงสงครามเวียดนาม โดยในปี พ.ศ. 2507 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เข้ามาตั้งฐานทัพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม ทำให้เกิดการค้าขายพืชสุกลกัญชากันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้ฐานทัพต่างชาติ ซึ่งมีการเกิดขึ้นของสถานบันเทิงมากมายที่ทหารอเมริกันมาใช้บริการ ทำให้คนไทยมองเห็นโอกาสในการค้าขายพืชแต่อย่างไรก็ตาม ส่งผลให้นายทุนเข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูก โดยมีการให้ราคาผลผลิตสูงกว่าพืชผลเกษตรชนิดอื่น ๆ ซึ่งผลผลิตที่ได้พ่อค้าจะรวบรวมนำไปขายบริเวณฐานทัพอเมริกาทั้งที่ตั้งอยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยการปลูกเป็นการค้าครั้งแรกที่บ้านต้าย ตำบลโพนสวรรค์ อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ต่อมาเมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาถอนฐานทัพกลับ การส่งเสริมให้ปลูกพืชสกุลกัญชายังมีการส่งเสริมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และบางส่วนจำหน่ายให้กับคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ซึ่งรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของการบรรจุพืชสกุลกัญชาให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และมีการปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จาก พ.ศ. 2522-2527 พบว่ามีสถิติการทำลายไร่พืชสกุลกัญชาในระหว่างปีดังกล่าว คิดเป็นพืชสกุลกัญชานำหนัก จำนวน 4,061 ตัน และสามารถปราบปรามจับกุมพืชสกุลกัญชาแห้งทั่วประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2521-2527 ได้พืชสกุลกัญชาน้ำหนักแห้งรวม 533 ตัน (ส่วนสำรวจและรายงาน สำนักงาน ปปส. ภาคเหรือ, 2544) ปัจจุบันพืชสกุลกัญชาได้รับข้อยกเว้นในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย หรือ เพื่อการศึกษาวิจัยและพัฒนา ทั้งนี้ให้รวมถึงการเกษตรกรรม พาณิชยกรรม วิทยาศาสตร์ หรืออุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562

ที่มา : กรมวิชาการเกษตร (คู่มือสำหรับเกษตรกร การผลิตพืชสกุลกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม)

Was this helpful?

1 / 0

error: Content is protected !!