การปลูกกัญชาในระบบเปิด ‘สภาพแปลง’ (Outdoor)
ในการปลูกพืชสกุลกัญชา ผู้ปลูกจำเป็นต้องทราบถึงสภาพแวดล้อมเบื้องต้นที่เหมาะสมในการปลูกกัญชา เพื่อที่จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นประกอบการตัดสินใจในการปลูกกัญชา และสามารถผลิตพืชสกุลกัญชาได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ ส่งผลให้ได้ผลผลิตสูง ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยการผลิตต่ำ ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชสกุลกัญชา มีดังนี้
สภาพภูมิอากาศ
ปริมาณน้ำฝน
พืชสกุลกัญชาต้องการความชื้นมากที่สุดในช่วง 6 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นช่วงที่เมล็ดกำลังงอก และเมื่อหลังจาก 6 สัปดาห์หลังจากการงอกจากเมล็ดพืชสกุลกัญชาสามารถทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ เนื่องจากต้นพืชสกุลกัญชามีรากที่สามารถหยั่งลึกลงในดิน 2-3 เมตร ทำให้สามารถหาความชื้นที่สะสมอยู่บริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งรุนแรง ส่งผลให้การเจริญเติบโตลดลงและแคระแกรน โดยทั่วไปพืชสกุลกัญชาต้องการปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 500-600 มิลลิเมตรต่อวงจรชีวิต โดยต้องการปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 250-350 มิลิเมตร ในช่วงระยะการเจริญเติบโตทางลำต้น ซึ่งความต้องการน้ำของพืชสกุลกัชามีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพันธุ์พืชสกุลกัญชา ดิน สภาพอากาศ และการจัดการภายในแปลง
ความสั้น-ยาวของวัน
พืชสกุลกัญชาเป็นพืชวันสั้น ความสั้น-ยาวของวันสัมพันธ์กับปริมาณแสงที่ได้รับในแต่ละวัน ซึ่งปริมาณแสงที่ต้นพืชสกุลกัญชาได้รับแสงต่อวันมีผลต่อการพัฒนาการระยะการเจริญเติบโตทางลำต้นไปสู่ระยะออกดอก ดังนั้นการวางแผนการปลูกที่เหมาะสมตามช่วงเวลาสั้น-ยาวของวัน จะทำให้พืชสกุลกัญชาที่ปลูกมีผลผลิตสูง เนื่องจากต้นพืชสกุลกัญชามีช่วงเวลาการเจริญเติบโตทางลำต้นที่ยาวนานเพียงพอ ทำให้สามารถผลิตช่อดอกหรือผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
อุณหภูมิ
อุณหภูมิเป็นปัจจัยที่มีบทบาทต่อการเจริญเติบโตในแต่ละระยะของพืชสกุลกัญชา ซึ่งพืชสกุลกัญชาสามารถปรับตัวเจริญเติบโตได้ดีตั้งแต่อุณหภูมิ 19-28 องศาเซลเซียส ซึ่งมีการศึกษาการปลูกพืชสกุลกัญชาเพื่อเส้นใยในเขตเมติเตอร์เรเนียน พบว่า อุณหภูมิสะสม (Growing degree day; GDD) ที่เหมาะสมกับการปลูกกัญชาเพื่อเส้นใยอยู่ระหว่าง 1,900-2,000 องศาเซลเซียล และอุณหภูมิสะสมสำหรับการปลูกเพื่อเมล็ด (Grain) อยู่ระหว่าง 2,700-3,000 องศาเซลเซียส (Adesina et al., 2020)
ที่ตั้งและคุณสมบัติดิน
ที่ตั้ง
ที่ตั้งของประเทศไทยตั้งอยู่ระหว่างละติจูดที่ 5 องศา ถึง 20 องศา ซึ่งความแตกต่างของตำแหน่งละติจูด ส่งผลต่อปริมาณแสงอาทิตย์ที่ได้รับในแต่ละฤดูกาลที่แตกต่างกัน ซึ่งที่ตั้งละติจูดที่สูงจะมีความแตกต่างของชั่วโมงแสงที่ได้รับในแต่ละฤดูกาลมากกว่าพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในละติจูดที่ต่ำกว่า การปลูกพืชสกุลกัญชาปริมาณช่วงแสงที่ได้รับในแต่ละเดือนจะส่งผลต่อการวางแผนในการผลิต เนื่องจากพืชสกุลกัญชาเป็นพืชวันสั้น หากมีการปลูกในช่วงที่มีปริมาณแสงต่ำกว่า 12 ชั่วโมงต่อวันย่อมส่งผลให้พืชสกุลกัญชามีระยะเวลาในการสร้างการเจริญเติบโตของลำต้นไม่เพียงพอ ส่งผลให้ได้ผลผลิตต่ำ ซึ่งจากภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่า จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ในละติจูดที่ 18 องศา ซึ่งอยู่ในละติจูดที่สูงกว่ายะลา (ตั้งอยู่ในละติจูดที่ 6 องศา) มีความแตกต่างของจำนวนชั่วโมงแสงที่ได้รับในแต่ละฤดูกาลสูงกว่าจังหวัดยะลา ซึ่งอยู่ในละติจูดที่ต่ำกว่า ดังนั้นสภาพที่ตั้งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการวางแผนการผลิต
ภาพที่ 1 แสดงปริมาณชั่วโมงของแสงที่ได้รับในช่วงเวลากลางวันของจังหวัดเชียงใหม่, พิษณุโลก, ขอนแก่น, กรุงเทพฯ, สระแก้ว, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ภูเก็ต, กระบี่, นครศรีธรรมราช, ยะลา, และนาราธิวาส
ความลาดชัน
ความลาดชันเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในการจัดการแปลงและการเก็บเกี่ยว โดยพื้นที่ที่มีความลาดชันมากกว่า 35% ไม่ควรปลูกพืชสกุลกัญชา เนื่องจากจะทำให้มีปัญหาในการเก็บเกี่ยว และความลาดชันในอุดมคติที่เหมาะสมกับการปลูกพืชสกุลกัญชา คือ ความลาดชันที่ 5% เนื่องจากหากมีความลาดชันเกิน 5% จะทำให้เกิดการชะล้างหน้าดินในช่วงฤดูฝน
คุณสมบัติดิน
พืชสกุลกัญชาสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีโครงสร้างร่วนซุย (Loose) ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรีย์วัตถุสูง ซึ่งสภาพดินที่เหมาะสมควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ระหว่าง 5.8-6 และเนื้อดินที่เหมาะสมในการปลูกกัญชา คือ เนื้อดินร่วนปนทราย (Sandy loam) แต่เนื้อดินที่ควรหลียเลี่ยง คือ ดินเหนียวจัด (Heavy clay) เนื่องจากมีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี และดินทราย (Sandy Soil) มีข้อจำกัดเรื่องของการอุ้มน้ำพื้นที่ปลูกพืชสกุลกัญชา สภาพดินไม่ควรมีชั้นดานภายในแปลง นอกจากจะทำให้รากของพืชสกุลกัญชาเมื่อเจริญไปถึงชั้นดาน รากจะมีลักษณะเป็นรูป L ทำให้ประสิทธิภาพการดูดใช้น้ำ และธาตุอาหารลดลง นอกจากนี้ชั้นดานส่งผลให้เกิดการระบายน้ำไม่ดี เกิดสภาพน้ำขังใต้ผิวดิน (Water logging) ทำให้ต้นพืชสกุลกัญชาภายในแปลงเกิดรากเน่า โดยเฉพาะในช่วงระยะต้นกล้า
—————–
ตารางที่ 2 แสดงระดับความต้องการปัจจัยของพืชสกุลกัญชา (Crop requirement of Cannabis)
หมายเหตุ : ความสั้น-ยาวของวัน : เข้าสู่ระยะออกดอก เมื่อความยาวแสงต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ช่วงเวลาในการเจริญเติบโต : 150-180 วัน, ช่วงวิกฤต(ความชื่น) : ระยะ Vgegtative growth เนื้อดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช sl fsl, อื่นๆ – อ่อนแอต่อความชื้นในดินที่มากเกินไป และสภาพน้ำขังใต้ผิวดิน (Water logging)
อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาที่ดิน (ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เมษายน 2564) เพื่อพัฒนาแผนที่ความเหมาะสมสำหรับปลูกพืชสกุลกัญชาในสภาพแปลงปลูกกลางแจ้งของประเทศไทย แยกตามระดังความเหมาะสม สามารถจำแนกได้ดังนี้
- ความเหมาะสมสูง (S1) จำนวน 6,273,298 ไร่
- ความเหมาะสมปานหลาง (S2) จำนวน 33,173,383 ไร่
- มีความเหมาะสมเล็กน้อย (S3) จำนวน 28,989,620 ไร่
- ไม่เหมาะสม (N) จำนวน 133,484,303 ไร่
(ภาพที่ 2, 3, 4, 5, 6, และ 7) รายละเอียดสามารถสืบค้นได้ที่ https://fc.doa.go.th/hemp
การเตรียมดิน และการปลูกกัญชา
การเตรียมดิน
การเตรียมดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผิวดินอ่อนตัว และให้ดินมีอากาศถ่ายเทสะดวก พร้อมทั้งเป็นการทำลายเหง้าวัชพืชให้แห้งตายหรือฝังกลบซากวัชพืชเดิม การไถพรวนควรไถอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรก เป็นการไถดะให้ลึกด้วยผาน 3 หรือผาน 4 โดยให้มีความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร และตากดินทิ้งไว้ประมาณ 10-15 วัน เพื่อทำลายวัชพืชและศัตรูพืชในดินบางชนิด ครั้งที่สอง เป็นการไถแปรเพื่อให้ดินแตกละเอียด ด้วยผาน 7 โดยไถขวางรอยเดิมของไถดะ เพื่อย่อยดินก้อนใหญ่ นอกจากนี้สามารถทำร่องระลายน้ำความสูง 50 เซนติเมตร และแต่ละแถวมีระยะห่างกัน 100 เซนติเมตร เพื่อการระบายน้ำที่ดีขึ้นด้วย
การปลูกกัญชา
*** เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่ยังไม่ทราบวิธีเพาะกล้ากัญชา สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ 1. การเพาะกัญชาด้วยเมล็ด และ 2. การเพาะกัญชาด้วยการตัดชำ
วิะีการปลูกกัญชาระบบเปิด หรือสภาพแปลง (Outdoor) ปลูกโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่สามารถสรุปได้เป็น 2 แนวทางคือ
1.) วิธีการหว่าน การปลูกกัญชาในลักษณะนี้โดยทั่วไปมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตเส้นใย (Fiber) ซึ่งในประเทศไทยจะนิยมปลูกเพื่อการผลิตเส้นใจในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนของแต่ละภูมิภาค โดยมีอัตราการใช้เมล็ดสำหรับการปลูกเพื่อเส้นใย 10 กิโลกรัมต่อไร่ (ปปส. มปป.)
2.) วิธีการหยอดหลุมด้วยเมล็ดและต้นกล้า (แบบประณีต) มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตเมล็ด (Grain) และช่อดอก (CBD) โดยทั่วไปจะนิยมปลูกเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในช่วงเดือนกรกฏมคม ถึงเดือนมกราคม และมีอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ปลูกจำนวน 2 กิโลกรัมต่อไร่ (ปปส. มปป.) ส่วนการปลูกเพื่อผลิตช่อดอก (CBD) ในสภาพแปลงปลูก Outdoor ไม่เคยมีรายงานมาก่อน อย่างไรก็ตามมีรายงานจากต่างประเทศที่สามารถสรุปแนวทางการปลูกแบบปราณีตได้คือ
- เมล็ดพันธุ์กัญชา/ต้นกล้ากัญชา ควรมีการเพาะต้นกล้าให้มีอายุ 2-3 สัปดาห์ก่อนที่จะย้ายปลูกในแปลง ซึ่งเมล็ดพันธุ์ที่จะใช้สำหรับการปลูกเพื่อการผลิตเมล็ดควรเป็นเมล็ดที่มีทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่จะใช้สำหรับการผลิตช่อดอก (CBD) ควรเป็นเมล็ดแบบที่มีเฉพาะต้นตัวเมีย หรือใช้ต้นกล้าจากการตัดชำ (Cutting) ที่สามารถกำหนดเพศของต้นกล้ากัญชาที่จะปลูกได้ตามต้องการ สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ 1. การเพาะกัญชาด้วยเมล็ด และ 2. การเพาะกัญชาด้วยการตัดชำ
- ระยะปลูกที่เหมาะสม คือ ระยะปลูกระหว่างแถว 100 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างต้น 30-60 เซนติเมตร (Garcia-Tejero et al., 2019) ซึ่งจะได้จำนวนต้นกัญชา เท่ากับ 2,666-5,333 ต้นต่อไร่
- การปลูก กรณีปลูกด้วยเมล็ดควรหยอดหลุมละ 3-5 เมล็ด โดยให้มีความชึกไม่เกิน 1-2 เซนติเมตร ส่วนการปลูกด้วยต้นกล้าควรใช้ต้นกล้าอายุไม่เกิน 4 สัปดาห์ และมีการกระตุ้นต้นกล้าให้แข็งแรงก่อนย้ายปลูก (Hardening) เช่น การงดน้ำก่อนย้ายปลูก 1 วัน
การใส่ปุ๋ยกัญชา
การใส่ปุ๋ยเคมีควรแบ่งใส่ 3 ครั้ง ตามระยะการเจริญเติบโตของต้นพืชสกุลกัญชาเพื่อให้มีธาตุอาหารเพียงพอกับการเจริญเติบโตและสร้างผลผลิตได้เต็มที่ (Gracia-Tejero et al., 2019)
ตารางที่ 3 การใส่ปุ๋ยพืชสกุลกัญชา
*** เพิ่มเติม : พืชสกุลกัญชา เป็นพืชที่สามารถปลูกได้ทั้งในระบบเปิดหรือสภาพแปลง (Outdoor cultivation), โรงเรือน (Semi-indoor cultivation), และระบบปิด (Indoor cultivation) ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการปลูก ได้แก่ การปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นใจ (Fiber), เมล็ด (Grain), และสารสำคัญ (Cannabinoids)
ที่มา : กรมวิชาการเกษตร (คู่มือสำหรับเกษตรกร การผลิตพืชสกุลกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม)
Was this helpful?
1 / 0